วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

Time for Brunch


กระแสการรับประทานอาหารเช้ามื้อสายใกล้ๆเที่ยงหรือที่ภาษาเรียกว่า Brunch นั้นเริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้น เชื่อว่าหลายคนคงอยากทราบที่มาของคำว่า Brunch ว่ามีที่มาอย่างไรใช่ไหมคะ จะ Breakfast ก็ไม่ใช่ จะ Lunch ก็ไม่เชิง อันที่จริงแล้ว Brunch (บรันช์) คือมื้ออาหารที่รวมอาหารเช้าและอาหารกลางวันเข้าไว้ด้วยกัน คำว่าบรันช์นั้น เริ่มใช้ครั้งแรกในนิตยสาร Punch และเมื่อคำนี้ถูกนำมาใช้ในหนังสือพิมพ์ Hunter’s weekly ประเทศอังกฤษราวปีค.ศ 1896 คำว่า Brunch ก็ได้กลายเป็นคำแสลงที่ใช้กันมากในอเมริกาและแคนาดาค่ะ แต่บางคนก็แย้งว่าผู้ที่คิดคำนี้ก็คือ Frank Ward O’ Malley นักข่าวประจำหนังสือพิมพ์ New York Morning Sun ผู้ที่นิยมรับประทานอาหารช่วงสายๆ


เวลาไหนคือเวลาในการรับประทาน brunch กันแน่นะ หากมื้ออาหารเริ่มต้นก่อนเวลา 10 โมงเช้า นั่นยังถือว่าเป็นเวลาของอาหารเช้าอยู่ค่ะ แต่หากเป็นช่วงเวลาระหว่าง 11 โมงเช้าถึงบ่ายโมง ซึ่งใกล้ๆและคาบเกี่ยวกับมื้อกลางวัน นั่นล่ะคือเวลาที่เราจะเรียกว่า เวลาการรับประทาน brunch อย่างแท้จริง โดยมากบรันช์มักจะนิยมรับประทานกันในอาทิตย์และวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจจะเป็นลักษณะบุฟเฟต์ที่เราเลือกตักอาหารเอง หรือว่าจะสั่งจากเมนูก็ได้เช่นกันค่ะ

เมนูที่เรานิยมรับประทานกันนั้นก็จะมีไข่ ไส้กรอก เบค่อน แฮม ผลไม้ เพสตรี้ แพนเค้ก และเมนูอื่นๆที่นิยมรับประทานกันช่วงมื้อเช้า นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารอื่นๆที่เรากินระหว่างวันกันด้วยนะคะ บุฟเฟต์นั้นอาจจะรวมไปถึง quiche เนื้อและไก่ย่าง อาหารทะเลแช่เย็นอย่างกุ้ง ปลารมควัน สลัด ซุป อาหารจานผัก ขนมปังชนิดต่างๆ รวมไปถึงขนมปังนานาชนิดค่t ส่วนเครื่องดื่มค็อกเทลที่นิยมกันมากก็ได้แก่ เบลลินี่ (ที่เมื่อวานได้ลงสูตรไปให้แล้วค่ะ) เช่นเดียวกับบลัดดี้ แมรี่ที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน อาหารตะวันออกของเราที่ถือได้ว่าเป็น brunch ก็คือ ติ่มซ่ำที่มีให้บริการในร้านอาหารจีนทั่วโลกอย่างไรละคะ ติ่มซำมักจะประกอบไปด้วยซาลาเปาไส้ต่างๆ เกี๊ยวยัดไส้ และอาหารคาวหวานทั้งแบบนึ่ง ทอด หรืออบ นั่นเอง

ที่มาอย่างสั้นๆของ Brunch ก็เป็นเช่นนี้ค่ะ เดี๋ยววันพรุ่งนี้แตมจะพาไปเที่ยวร้าน Café Tartine ที่เพิ่งไปกิน brunch มานะคะ ^_^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น